“ไฮเออร์” ตั้งโรงงานในไทยลงทุน 1.3 หมื่นล้านบาท ยกระดับไทยฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ
09-20 HaiPress
"บีโอไอ" อนุมัติส่งเสริมลงทุน "ไฮเออร์" แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่สัญชาติจีน ที่มียอดขายอันดับ 1 ของโลก ยกระดับเป็นฐานผลิตและส่งออกเครื่องปรับอากาศในต่างประเทศของไฮเออร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รับเทรนด์อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตสูงจากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี เตรียมเดินเครื่องผลิตภายใน 1 ปี จ้างงานบุคลากรไทยกว่า 3,000 ตำแหน่ง เพิ่มมูลค่าการส่งออก 32,000 ล้านบาทต่อปี
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ ของบริษัท ไฮเออร์ แอพพลายแอนซ์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ “Haier” ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน ซึ่งมียอดขายอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 15 ปี (ตั้งแต่ปี 2552-2566) จากการจัดอันดับโดยยูโรมอนิเตอร์
โครงการนี้จะมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะที่มีระบบเซ็นเซอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตรวจจับและรับข้อมูลได้ และสามารถเชื่อมต่อกับ Smart Phone และอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านเครือข่าย Wi-Fi จำนวน 6 ล้านเครื่องต่อปี มีเงินลงทุนสูงถึง 13,400 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 จังหวัดชลบุรี โดยเฟสแรกจะเร่งลงทุนและติดตั้งกำลังการผลิต 3 ล้านเครื่องให้แล้วเสร็จ พร้อมเริ่มผลิตภายในเดือนกันยายน 2568 และจะเปิดเต็มโครงการภายในปี 2570 มีแผนการจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 3,000 คน โครงการนี้จะเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก มีมูลค่าการส่งออกกว่า 32,000 ล้านบาทต่อปี
“ไฮเออร์ได้ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่โดยเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีนเนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้ามีความเสถียรและเพียงพอต่อความต้องการห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งรวมทั้งพื้นที่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่มีความพร้อมด้านโลจิสติกส์ทั้งท่าเรือและเส้นทางคมนาคมที่สะดวกเพื่อสนับสนุนการส่งออกอีกทั้งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐถือเป็นความสำเร็จในการดึงดูดโครงการลงทุนที่มีคุณภาพซึ่งจะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยทั้งด้านการสร้างงานการพัฒนาบุคลากรการใช้วัตถุดิบในประเทศและเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทยในตลาดโลก”นายนฤตม์กล่าว
นอกจากโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรีที่ผ่านมากลุ่มไฮเออร์ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆเช่นตู้เย็นเครื่องซักผ้าหม้อหุงข้าวไฟฟ้ากระติกน้ำร้อนไฟฟ้าคอมเพรสเซอร์สำหรับตู้เย็นเป็นต้นภายใต้ชื่อบริษัทไฮเออร์อีเล็คทริค(ประเทศไทย)จำกัดรวม9โครงการเงินลงทุนกว่า3,000ล้านบาทตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมกบินทร์บุรีจังหวัดปราจีนบุรีซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมขยายกิจการผลิตตู้เย็นในพื้นที่โรงงานเดิมด้วย
นายนฤตม์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชั้นนำของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน และเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของไทย โดยผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากพัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้ง AI,5G และ IoT ที่เปลี่ยนมาตรฐานการใช้ชีวิตในโลกสมัยใหม่ที่ผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
การส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าไปสู่ “เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ” เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของบีโอไอ โดยตั้งแต่ปี 2566-มิถุนายน 2567 มีโครงการในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยื่นขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ จำนวน 144 โครงการ เงินลงทุนรวม 98,550 ล้านบาท โดยกว่า 80% เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ นอกจากไฮเออร์แล้ว ยังมีแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย เช่น มิตซูบิชิ โซนี่ ไดกิ้น ซัมซุง อีเลกโทรลักซ์ ไมเดีย เป็นต้น