‘ศรณ์’ คว้ารางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ ร้านแรกในไทย จาก 462 ร้าน ฉบับปี 68
11-28 HaiPress
‘ศรณ์’ คว้ารางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ ร้านแรกในไทย จาก 462 ร้าน ที่ผ่านการคัดสรรคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 68
นายเกว็นดัล ปูลเล็นเนค ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก เปิดเผยว่า คู่มือมิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นฉบับที่ 8 ของไทย ที่ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับใน จ.ชลบุรี โดยในจำนวนร้านใหม่ที่ติดอันดับครั้งแรก รวมทั้งสิ้น 20 ร้าน (ร้านระดับ ‘บิบ กูร์มองด์’ 5 ร้าน และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected 15 ร้าน) ส่วนคู่มือฉบับปี 2568 ได้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 462 แห่ง ประกอบด้วย รางวัลสามดาวมิชลิน 1 ร้าน เลื่อนระดับจากสองดาวมิชลิน เป็นร้านศรณ์ ซึ่งเป็นร้านแรกในไทย
สำหรับร้านศรณ์ ถือเป็นร้านอาหารใต้ที่ถ่ายทอดศิลปะการปรุงอาหารผ่านฝีมืออันเป็นเลิศ ตลอดจนการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างตำรับโบราณและนวัตกรรมสมัยใหม่ ทุกจานรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต พิถีพิถัน และลุ่มลึก นำเสนอประสบการณ์การรับประทานที่น่าตื่นเต้นและกลมกล่อมอย่างไม่มีที่ติ ก้าวสู่การเป็นร้านอาหารระดับตำนานในฐานะที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรติสูงสุด
“การที่ประเทศไทยมีร้านอาหารได้รับรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ เป็นร้านแรก ทำให้ปี 68 เป็นปีสำคัญของไทยในหน้าประวัติศาสตร์แวดวงอาหารระดับสากล รายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรเหล่านี้ ไม่เพียงสะท้อนความรุ่มรวยและหลากหลายของอาหารไทย แต่ยังแสดงให้เห็นว่าศาสตร์และศิลป์ด้านอาหารการกินของไทย โอบรับวัฒนธรรม ความทันสมัย และเทรนด์ใหม่ ๆ เอาไว้อย่างลงตัว” นายเกว็นดัล กล่าว
ขณะที่รางวัลสองดาวมิชลิน 7 ร้าน มีร้านติดอันดับเพิ่มหนึ่งแห่ง คือ ‘โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค’ ร้านอาหารที่นำเสน่ห์แห่งรสชาติจากเฟรนช์ริเวียราสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ผสานกลิ่นอายจากเมดิเตอร์เรเนียน ฝรั่งเศส และอิตาลี ทุกจานอาหารรังสรรค์ด้วยเทคนิคอันล้ำสมัยจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ดีที่สุดในแต่ละวันเพื่อสร้างสรรค์เมนูอันเป็นเอกลักษณ์ สำหรับร้านอาหาร บ้านเทพา, เชฟส์เทเบิล, กา, เมซซาลูน่า, อาหาร และซูห์ริง ยังคงครองสถานะ ‘สองดาวมิชลิน’ เอาไว้ได้
รางวัลหนึ่งดาวมิชลิน 28 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน และเลื่อนระดับจากMICHELIN Selected1 ร้าน),รางวัล‘บิบ กูร์มองด์’156 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 20 ร้าน) และร้านแนะนำ หรือMICHELIN Selectedอีก 270 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 44 ร้าน)
นายเกว็นดัล กล่าวว่า แนวโน้มและทิศทางวงการอาหารของไทยจากการสำรวจโดยผู้ตรวจสอบของมิชลิน ไกด์ จากการเปิดเผยของ มร.ปูลเล็นเนค ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ พบว่ามีร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้านอาหารเหล่านี้ดำเนินการโดยเชฟผู้มีความสามารถชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี เคยผ่านประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ และ/หรือ ศึกษาศาสตร์การทำอาหารสไตล์ตะวันตก โดยเชฟเหล่านี้ริเริ่มก่อตั้งธุรกิจร้านอาหารในจังหวัดบ้านเกิดของตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนออาหารไทยดั้งเดิมในรูปแบบที่ทันสมัยและดูน่าสนใจ ส่งผลให้ “อาหารไทยร่วมสมัย” ก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่เดิม
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมร้านอาหารหรูประเภท ‘ไฟน์ ไดนิ่ง’ (Fine Dining) ในไทย ยังดึงดูดเชฟชาวต่างชาติจากทั่วโลกให้เข้ามาทำงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเชฟท้องถิ่น และมีบทบาทในการฝึกฝนทีมงานร้านอาหารรุ่นใหม่ อีกทั้งประเด็นเรื่องความยั่งยืนและการจัดหาวัตถุดิบภายในท้องถิ่นยังได้รับความสนใจแพร่หลายมากขึ้นในไทย โดยเชฟใส่ใจเลือกใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นมากขึ้นและประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตรายย่อยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวโน้มดังกล่าว เป็นแรงบันดาลใจให้เชฟท้องถิ่นริเริ่มนำเสนอสิ่งใหม่และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกันยังเห็นได้ชัดว่ามีภัตตาคารสไตล์เรียบง่ายและร้านอาหารขนาดเล็กจำนวนหนึ่งถ่ายทอดสูตรอาหารจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพื่อรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ ภัตตาคารและร้านอาหารประเภทดังกล่าวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่สามารถหาอาหารคุณภาพเยี่ยมหลากรูปแบบทานได้ในราคาสบายกระเป๋า
รางวัล‘หนึ่งดาวมิชลิน’มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้น 5 ร้าน โดยในจำนวนนี้ 4 ร้านได้รับการจัดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ฉบับประเทศไทย เป็นครั้งแรก ส่วนอีก 1 ร้านได้รับการเลื่อนระดับจากร้านMICHELIN Selectedได้แก่ โคด้า ร้านอาหารที่เชิดชูแก่นแท้ของอาหารไทยท้องถิ่น พร้อมผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่เพื่อสร้างอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทุกเทสติงเมนูรังสรรค์อย่างประณีต อัดแน่นไปด้วยรสชาติที่ละเอียดอ่อนและมีมิติอย่างล้ำลึก
ส่วนร้านใหม่ที่ได้รับรางวัลหนึ่งดาวมิชลินเป็นครั้งแรก ได้แก่ อัคคี ร้านอาหารที่สร้างความประทับใจด้วยเมนูอาหารไทยรสจัดจ้านจากภูมิภาคต่าง ๆ เสิร์ฟในบรรยากาศสุดพิเศษท่ามกลางแสงสลัว ใช้เทคนิคการทำอาหารที่พิถีพิถันในครัวที่เรียบง่าย โดยปรับสูตรอาหารไทยคลาสสิกให้เข้ากับวัตถุดิบตามฤดูกาล ทำให้อาหารมีเอกลักษณ์และรสชาติที่ชัดเจน,เอวองท์ ร้านอาหารที่เชฟชาวสิงคโปร์รังสรรค์อาหารโดยผสานเทคนิคดั้งเดิมและสมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และพิถีพิถันในทุกรายละเอียด,โกท ร้านอาหารที่ผสมผสานองค์ประกอบของอาหารไทย จีน และตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาดภายใต้แนวคิดฤดูกาลของไทย โดยใช้ทั้งสมุนไพรที่ปลูกในร้านและวัตถุดิบจากทั่วประเทศไทย และ อาวลิส ร้านอาหารสไตล์ “เชฟส์ เทเบิล” ที่นำเสนอเทสติงเมนูหลายคอร์สจากวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยและเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในบรรดาร้านใหม่ติดอันดับ‘หนึ่งดาวมิชลิน’มี 2 ร้านที่ตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร คือ อัคคี ในจังหวัดนนทบุรี และ อาวลิส ในจังหวัดพังงา
รางวัลMICHELIN Green Starหรือ“ดาวมิชลินรักษ์โลก”มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้นหนึ่งร้าน คือ‘บ้านเทพา’
นอกจาก พรุ, ฮาโอมา และ จำปา ซึ่งครองรางวัล MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ที่มอบให้กับร้านอาหารซึ่งดำเนินกิจการและมีแนวปฏิบัติประจำวันด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแล้ว ยังมีร้านอาหารร่วมครองรางวัลนี้อีก 1 ร้านในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 ได้แก่ บ้านเทพา ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่เชฟและทีมงานไม่เพียงทุ่มเทใส่ใจในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ปลูกสมุนไพรและดอกไม้กินได้ในสวนหลังร้าน, เลือกใช้วัตถุดิบจากผู้ผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, เปลี่ยนขยะอาหารเป็นปุ๋ย ตลอดจนรังสรรค์อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ แต่ยังริเริ่มโครงการเพื่อขับเคลื่อนชุมชนให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมของเชฟและทีมงานยังคงแข็งแกร่งแม้ต้องฟันฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากจึงสมควรได้รับการยกย่องในความมุ่งมั่นอุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อม
รางวัลพิเศษ 4 รางวัล ปัจจุบัน คู่มือ‘มิชลิน ไกด์’ฉบับประเทศไทย มอบรางวัลพิเศษรวม 4 รางวัล ให้กับบุคลากรมืออาชีพจากร้านอาหารที่ติดอันดับในคู่มือฯ ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นและมีบทบาทในการยกระดับประสบการณ์ด้านอาหารให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น อันเป็นการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมด้านอาหารและบริการเป็นที่น่าสนใจและน่าทำงานด้วย
•รางวัลMICHELIN Guide Young Chef Award
MICHELIN Guide Young Chef Awardเป็นรางวัลพิเศษที่ได้รับการสนับสนุนโดย“บลองแปง” (Blancpain)แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ รางวัลนี้มอบให้กับสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ที่แสดงศักยภาพโดดเด่นตลอดระยะเวลา12เดือนที่ผ่านมา ด้วยคุณสมบัติและทักษะความสามารถในการรังสรรค์อาหารอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี2568คือ“อู๋”สิทธิกร จันทป เชฟและเจ้าของร้านอัคคี ด้วยความหลงใหลในอาหารไทยแบบดั้งเดิม เชฟอู๋เลือกใช้วัตถุดิบหายากมาปรุงอาหารและจัดจานอย่างสวยงาม สะท้อนทักษะความเชี่ยวชาญ เอกลักษณ์เฉพาะตัว และผสานความทันสมัยเอาไว้อย่างลงตัว ซึ่งผู้ตรวจสอบของ‘มิชลิน ไกด์’ชื่นชมและรอดูการนำอาหารไทยต้นตำรับ ไปสู่มิติใหม่ ๆ ในอนาคต
•รางวัลMICHELIN Guide Opening of the Year Award
MICHELIN Guide Opening of the Year Awardเป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารยูโอบี (UOB)มอบให้กับบุคลากรและทีมงานซึ่งประสบความสำเร็จในการเปิดร้านอาหารใหม่ในช่วง12เดือนที่ผ่านมา โดยมีแนวคิดที่โดดเด่นในการนำเสนออาหารอย่างสร้างสรรค์ จนกลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากวงการอาหารในประเทศ สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี2568คือ ดิมิทริออส มูดิออส (Dimitrios Moudios)เชฟและเจ้าของร่วม (Co-Owner Chef)ของร้านŌreร้านอาหารบรรยากาศสุดมินิมัลที่นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำผ่านเมนูสร้างสรรค์30คอร์ส ซึ่งประกอบด้วยวัตถุดิบหายากและวัตถุดิบที่ผ่านการหมัก รังสรรค์ด้วยเทคนิคการปรุงอาหารหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว
•รางวัลMICHELIN Guide Service Award
MICHELIN Guide Service Awardเป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มอบให้สุดยอดบุคลากรของร้านอาหารที่ทุ่มเทให้กับการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี2568คือ ยุพา สุขเกษม ผู้จัดการร้านบ้านเทพา ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานถึง6ปี จากการทำงานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม คุณยุพาให้บริการอย่างมืออาชีพด้วยความใส่ใจ การให้บริการของเธอและทีมงานสร้างความประทับใจให้กับทีมผู้ตรวจสอบของ‘มิชลิน ไกด์’และทำให้การรับประทานอาหารเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
•รางวัลMICHELIN Guide Sommelier Award
MICHELIN Guide Sommelier Award เป็นรางวัลที่มอบให้กับ “ซอมเมอลิเยร์” หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น โดยให้บริการอย่างมืออาชีพ และมีความชำนาญในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับไวน์ชนิดต่าง ๆ รวมถึงการจับคู่ไวน์กับเมนูอาหาร เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านอรรถรสสูงสุด โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2568 คือ ฐานสิทธิ์ วาสินนท์ จากร้าน โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ด้วยประสบการณ์ 4 ปี ในสายงานด้านซอมเมอลิเยร์ คุณฐานสิทธิ์ มีความเป็นมืออาชีพและรู้จริงในการนำเสนอและแนะนำไวน์ การให้คำแนะนำอย่างมั่นใจแต่สุภาพอ่อนน้อมอยู่ในที ทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินไปกับการลิ้มลองรสชาติไวน์อย่างได้อรรถรสเต็มเปี่ยม