Close

ท่องเที่ยวไทย-จีน ชื่นมื่น ถกสร้างความเชื่อมั่น-ความปลอดภัย หนุนนทท.จีนกระเป๋าหนักเที่ยวไทยฉ่ำ

11-28 HaiPress

ท่องเที่ยวไทย-จีน ชื่นมื่น ถกสร้างความเชื่อมั่น-ความปลอดภัย หนุน นทท.จีนกระเป๋าหนักเที่ยวไทยฉ่ำ ททท. คาดปี 68 จีนเที่ยวไทย 8.8 ล้านคน ดัน นทท.ต่างชาติปีหน้าแตะ 40 ล้านคน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้หารือกับทางด้าน Zhang Zheng รอง รมว.วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. 2567 ณ นครเซี่ยงไฮ้ พร้อมยกประเด็นนโยบายวีซ่าฟรีมาพูคุยถึงซึ่งส่งให้เกิดการเดินทางต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวของทั้งสองชาติ พร้อมพูดถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยของไทย และขอความร่วมมือกับรัฐบาลจีนให้ช่วยประชาสัมพันธ์ถึงเรื่องข่าวปลอมเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัย รวมถึงให้ข้อมูลการเกี่ยวกับตำรวจท่องเที่ยวไทย และการนำเทคโนโลยีมาใช้ และทางรัฐบาลจีนรับปากที่จะเป็นคนกลางไปสื่อต่อกับทางการ และผู้ประกอบการ

“ทางรัฐบาลจีนรณรงค์ให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยสภาวเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก เราก็เข้าใจ ไทยจึงพยายามหันมาดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่งมอบนโยบายกับผู้อำนวยการ ททท. 5 สำนักงานในจีนไป และได้คุยกับโอทีเอ และสายการบิน เขาการันตีที่จะดึงนัดท่องเที่ยวเข้ามา โดยเราพยายามจะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาในเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) เพราะยังเป็นเมืองที่ยังคงความเป็นธรรมชาติดั่งเดิมไว้อย่างสวยงาม เช่น เกาะกูด เกาะหมาก ซึ่งต้องทำการบ้านอยู่ว่าจะทำยังไงให้ปัง หรือไปยังจังหวัดหรือเมืองที่นักท่องเที่ยวจีนไม่เคยไป” นายสรวงศ์ กล่าว

สำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูงนอกจากประเทศไทยแล้วยังเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นแต่ดูจากสถิตินักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศปี2567 ยังคงไม่เยอะเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19เพราะรัฐบาลจีนเข้มงวดที่จะให้คนของเขาออกเดินทางไปต่างประเทศโดยออกนโยบายเพื่อส่งเสริมให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศส่วนนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ที่ยังเดินทางมาเที่ยวไทยเป็นนักท่องเที่ยวที่กลับมาเที่ยวซ้ำไม่ใช้กลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวไทยครั้งแรกขณะที่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนที่เดินทางท่องเที่ยวเป็นกลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่แต่หลังโควิดสัดส่วนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือเอฟไอทีดังนั้นจึงเน้นเอาผู้ประกอบการโรงแรมสถานที่ท่องเที่ยวเข้ามามีส่วนร่วมเยอะๆ

ทั้งนี้ พยายามทำงานร่วมกับ ททท. สำนักงานจีน เพื่อฟื้นกลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่กลับมาอีกครั้ง ปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มทัวร์กลับมาเที่ยวแล้ว แต่เป็นกลุ่ม 8-10 คน หรือมินิทัวร์ เลือกเดินทางด้วยรถตู้หรือมินิบัส ส่วนกลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่ จำนวน 30-40 คน ยังไม่มี ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุซึ่งมีกำลังซื้อสูง มีเวลา โดย ททท. สำนักงานในจีน ได้เสนอความเห็นมาซึ่งจะนำข้อมูลนี้ไปปรับใช้เพื่อให้เกิดความบาลานที่สุด

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2567 ตลาดต่างชาติเที่ยวไทย ถือว่ามีหลายตลาดที่ทำตัวเลขได้สูงสุดเป็นครั้งแรก อาทิ ไต้หวันมาเที่ยวไทยครบ 1 ล้านคน จากเป้าหมายที่คาดไว้ 8-9 แสนคน อินเดีย 2 ล้านคน ซึ่งจะจัดงานฉลองจำนวนดังกล่าวอีกครั้ง โดยการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวเหล่านี้ ถือเป็นผลจากการทำงานเชิงรุกด้านสายการบินเต็มที่ ในปี 2568 จึงจะเน้นเรื่องเที่ยวบินเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างจีน ที่แม้ยังไม่ได้กลับมา 100% แต่อย่างน้อยต้องกลับมาให้ได้ 90% ของปี 2562 โดยตั้งเป้าหมายการทำงานไว้ จำนวนอยู่ที่ 8.8 ล้านคน แต่ต้องการให้ได้ถึง 9 ล้านคน สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ตั้งไว้ในแง่จำนวน 7.3 ล้านคน แต่อาจทำได้จริงประมาณ 6.8-7 ล้านคน สร้างรายได้ 4.5 แสนล้านบาท 

“ในช่วงต้นปี 2567 ททท. ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาเที่ยวไทย มีแนวโน้มวิ่งถึง 8 ล้านคน แต่เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนอย่างการฟื้นตัวของเที่ยวบินที่กลับมาไม่มากอย่างที่คาดหวังไว้ รวมถึงมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบคืออุทกภัยทั่วโลก อาทิ ช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม มีพายุเกิดขึ้นที่จีน ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินไป รวมถึงน้ำท่วมไทยที่ภาพออกมารุนแรงมาก ทำให้การเดินทางสะดุดตัวลง แต่ ททท. ได้จัดงานหนีห่าว มันธ์ ต่อเนื่องถึงเทศกาลลอยกระทง และวิจิตรเจ้าพระยา เราเห็นนักท่องเที่ยวจีนกลับเข้ามามากขึ้นแล้ว” น.ส.ฐาปนีย์ กล่าว

น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า การทำตลาดจะต้องดูเรื่องภาวะเศรษฐกิจด้วยว่า จะสามารถฟื้นตัวได้มากน้อยเท่าใด ซึ่งปัจจัยสนับสนุนอย่างสายการบินตอนนี้เริ่มดีแล้ว สะท้อนจากการหารือร่วมกับสายการบิน อาทิ ไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลน์ และสปริงแอร์ไลน์ ที่ดีขึ้นทั้งเรื่องความถี่ของไฟลต์ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจุดหมายปลายทางในประเทศไทยที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ไฟลต์ยาวไปถึงช่วงหลังสงกรานต์แล้ว เพราะช่วงนี้มีคนไทยเดินทางออกไปเที่ยวจีนเพิ่มมากขึ้น ทำให้เที่ยวบินที่ขนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย สามารถบริหารจัดการเที่ยวบินได้ดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ทั้งนี้ในปี 2568 สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) จะมีการวิเคราะห์เชิงลึกของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่ง ททท. จะร่วมด้วยในการวิเคราะห์ว่าพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมถึงเมืองรองที่เป็นเมืองใหม่ในจีนที่มีศักยภาพ เพื่อหากลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในในการใช้จ่าย หรือกลุ่มเศรษฐีที่อยู่ในนั้น โดยผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ในจีนทั้ง 5 สำนักงาน จะต้องค้นหาให้ได้ว่า กลุ่มเป้าหมายอยู่ตรงไหน และเข้าไปดึงดูดให้เดินทางมาเที่ยวไทยให้ได้ ผ่านการใช้แคมเปญหรือกิจกรรมต่างๆ อาทิ เมืองเฉิงตู เพราะตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างไรก็ทิ้งตลาดท่องเที่ยวเชิงประชุมสัมมนา (ไมซ์) หรือกรุ๊ปทัวร์ไม่ได้ แต่ต้องหากลุ่มที่มีความสามารถในการใช้จ่ายสูงเป็นหลัก

สำหรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่งคาดว่าจะหมดภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอนแต่การจะขยายโครงการต่ออีกหรือไม่อาจต้องพิจารณาอีกครั้งซึ่งแนวโน้มไม่น่าจะเพิ่มจำนวนสิทธิแล้วเพราะขณะนี้ภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่คนไปเที่ยวเยอะมากสนามบินเชียงใหม่แทบแตกแล้วสอดคล้องกับที่พักที่นักท่องเที่ยวยังเต็มอยู่ไม่ได้มีการยกเลิกการท่องเที่ยวเลย

“เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจีนตลอดทั้งปี 2568 วางเป้าจำนวนไว้ 8.8 ล้านคน จากเป้าหมายแผนการทำงานมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 39 ล้านคน แต่ รมว.การท่องเที่ยวฯ อยากให้ทำได้ 40 ล้านคน แยกเป็น ตลาดระยะใกล้ 29 ล้านคน และตลาดยะไกล 11 ล้านคน”

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์2009-2020 ข่าวการเงินธุรกิจภาคใต้      ติดต่อเรา   SiteMap