‘ไทยออยล์’ แจงประเด็นร้อนโครงการพลังงานสะอาดยันโปร่งใส ขออย่าบิดข้อเท็จจริง
11-29 HaiPress
ไทยออยล์ ชี้แจงประเด็นร้อน หลังโดนผู้ถือหุ้นร้องโครงการพลังงานสะอาด ที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯเมื่อปี 61 โปร่งใส ตรวจสอบได้ ล่าช้าเกิดจากแพร่ระบาดโควิด -19 เดินหน้าเจรจาแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมกับผู้รับเหมาหลัก ส่วนเคส UJV ค้างชำระผู้รับช่วง อยู่ระหว่างบริหารจัดการให้ดีที่สุด
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฎในสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ระบุว่า นายชัชนัย ป่านเพชร ผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯว่าอาจมีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น
บริษัทฯ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
1. โครงการพลังงานสะอาด หรือCFP(โครงการฯ”) เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งการลงทุนในโครงการฯ บริษัทฯ ได้นำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พิจารณาและอนุมัติเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ซึ่งในคราวการนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น บริษัทฯ ได้จัดให้มีความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งได้ให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับความสมเหตุสมผล ประโยชน์ของโครงการฯ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น
โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 99.91 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนน การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทุกประการ และสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีผลสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ และการลงทุนในโครงการฯ เป็นมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในปี 2561 โดยผ่านกระบวนการพิจารณาและได้รับอนุมติจากผู้ถือหุ้น ตามรายละเอียดของโครงการฯ ที่นำเสนอในที่ประชุมของผู้ถือหุ้น
2. ความล่าช้าของโครงการฯ เกิดจากปัจจัยภายนอก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และต้องเจรจาแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมกับผู้รับเหมาหลัก กล่าวคือ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co,Ltd. (ชื่อเดิมคือ Samsung Engineering (Thailand) Co,Ltd.),Petrofac South East Asia Pte . Ltd. และ Saipem Singapore Pte. (Onshore Contractor)
(เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung,Petrofac IIละ Saipem”) รวมถึงประเด็นที่ผู้รับเหมาช่วงบางรายได้ยุติการปฏิบัติงานเนื่องจาก UJV – Samsung,Petrofac และ Saipem ไม่ชำระเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับเหมาช่วง อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัจจัยผลกระทบต่อความล่าช้าดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการบริหารจัดการโครงการฯ อย่างดีที่สุด ทั้งในด้านการเจรจาสัญญา การควบคุมต้นต้นทุนและการบริหารความเสี่ยงเพื่อให้มั่นใจว่าโครงการฯ จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการฯ จากรายงานประจำปีและสารสนเทศของบริษัทฯ ที่เผยแพร่ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567
3. บริษัทฯ ขอให้ผู้ที่ได้รับข่าวสารใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลื่ยงการแชร์ข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหายต่อบริษัทฯ บริษัทฯ ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีบรรษัทภิบาล ทั้งนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ ผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นในความถูกต้องและความเป็นธรรมของกระบวนการทางกฎหมาย