คนละครึ่งพลัส ยังฮอต เข้ามาวันที่ 5 ยอดใช้จ่ายทะลุ 1 หมื่นล้านบาทแล้ว  คนแห่ช้อปช่วงวันหยุดไม่หยุด ด้านพาณิชย์ ปูพรมต่อยอด จัดมหกรรมลดราคาสินค้า ห้างท้องถิ่น 800 สาขา ลดราคาสูงสุด 60% ใช้ได้ทั้งคนละครึ่ง และบัตรสวัสดิการ

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย โครงการคนละครึ่ง พลัส  กระทรวงการคลังรายงานข้อมูล ณ สิ้นวันที่ 1 พ.ย.68 มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ สำเร็จแล้วกว่า 8,748 ล้านบาท ผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมลงทะเบียนแล้วกว่า 8 แสนราย ส่วนการจับจ่ายใช้สอยในวันที่ 2 พ.ย.68 ซึ่งเป็นวันที่ห้าของโครงการ มีคนออกมาใช้จ่ายคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากตรงกับวันอาทิตย์ช่วงต้นเดือน  ทำให้ร้านค้า ร้านขายอาหาร เครื่องดื่มขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ตลอดจนบริการร้านตัดผม ร้านนวดก็มีคนใช้บริการแน่นเช่นกัน ล่าสุด ณ เวลา 17.00 น. มียอดใช้จ่ายสะสม 10,371 ล้านบาท มีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 8 แสนราย

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วม ได้จนถึง 31 ธ.ค.68  โดยแต่ละวันไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ 200 บาท สามารถสะสมใช้ในวันต่อไปได้ จนกว่าจะครบวงเงินที่ได้รับ หรือสิ้นสุดโครงการ 31 ธ.ค.68 

ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า  กรมฯ ได้จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่  รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พ.ย.68 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการคนละครึ่งพลัส และประชาชนทั่วไป ซื้อสินค้าราคาพิเศษลดสูงสุดถึง 60% ได้ที่ห้างค้าส่ง-ค้าปลีกท้องถิ่นทั่วประเทศ 101 แห่ง 800 สาขาทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ สร้างกำลังซื้อในชุมชน โดยมีสินค้าราคาประหยัดทั้งจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ความงาม อาหารสัตว์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  และโครงการคนละครึ่งพลัสเข้าร่วมซื้อได้  โดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  มีผู้ได้สิทธิ 13.4 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลได้เพิ่มวงเงินชั่วคราว 850 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน เมื่อรวมของเดิมที่ได้รับ 300 บาท จะได้รับเป็น 1,150 บาท สามารถนำวงเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ณ ห้างค้าส่ง-ค้าปลีกท้องถิ่นที่เป็นร้านธงฟ้าทั่วประเทศได้ ส่วนโครงการคนละครึ่งพลัส ผู้ได้รับสิทธิ 20 ล้านคน ได้รับวงเงิน 2,000-2,400 บาท ก็สามารถนำสิทธิมาใช้ซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าปลีก/ร้านโชห่วย ที่ร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสได้เช่นกัน 

“การจัดมหกรรมครั้งนี้ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านห้างค้าส่ง-ค้าปลีกท้องถิ่นของคนไทยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศให้มีความคึกคัก เปิดโอกาสให้ธุรกิจรายเล็กสามารถแข่งขันทางการค้าได้อย่างเท่าเทียม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ประชาชนจะได้ร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย”